- กันยายน 10, 2024
- แบรนด์เนมมือสอง
1) ทดลองสินค้าจริง
เนื่องด้วยราคาของสินค้าแบรนด์เนมค่อนข้างสูง ทุกการใช้จ่าย ถ้ามีโอกาสหรือเวลาว่าง ควรไปทดลองด้วยตัวเองเพราะสินค้าทุกชิ้นมีรายละเอียดมากมาย แตกต่างกันออกไป
1.1) กระเป๋า
ฟิตติงหรือความเหมาะสมกับรูปทรงคนเอเชีย (ขนาดกระเป๋า)
กระเป๋าสะพายหนึ่งใบ ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทุกคนใช้ได้อย่างสะดวกสบาย เหมือนกับเสื้อผ้า การทำกระเป๋าขึ้นมา 1 ใบจำเป็นต้องมีนายแบบ นางแบบที่เป็นมาตรฐานของทั่วโลกได้ลอง ฟิตติง ดังนั้นกระเป๋าส่วนมากจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่เกินไซส์คนเอเชีย อย่างไรก็ตามแบรนด์ดังๆทั่วโลก ต่างเข้าใจข้อจำกัดนี้ดี และ ลูกค้าแบรนด์เนมส่วนมากเป็นชาวเอเชีย เช่น ประเทศจีน ประเทศอินเดีย จึงทำให้ระยะหลังแบรนด์เนมได้ออกสินค้าไซส์เล็ก MINI หรือ BB นั่นเองเพื่อเป็นการตอบโจทย์ปัญหานี้ อย่างไรก็ตามสินค้าไลน์คลาสสิค ที่ผลิตมาเนิ่นนาน โดยส่วนใหญ่ยังคงแพทเทิร์นการตัดเย็บและขนาดเดิม
สายกระเป๋า
โดยปกติแล้วคนไทยที่มีส่วนสูงต่ำกว่า 160 เซนติเมตร อาจจะใช้สายสะพายของแบรนด์ดังๆ โดยเฉพาะแบรนด์ที่มาจากยุโรป และ อเมริกา ไม่พอดีเพราะสายสะพายจะยาวเกินไป และการออกแบบของกระเป๋านั้นๆอาจจะไม่สามารถถอดสายได้ ทำให้ผู้ใช้งานต้องผูกสายเป็นปม เพื่อใช้งาน โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าซื้อกระเป๋าใบละหลายหมื่นบาทหรือหลักแสน ไม่จำเป็นต้องเจอปัญหาเหล่านี้ เราสามารถนำเงินนี้ไปซื้อกระเป๋าใบอื่นๆได้ หรือ สินค้าประเภทอื่นที่สามารถทนแทนได้เช่นกัน ลองดูสินค้าดีดีได้ที่นี่
น้ำหนักกระเป๋า
สำหรับคุณผู้หญิงไทย ที่ส่วนใหญ่จะมีรูปร่างค่อนข้างเล็กหากเทียบกับฝั่งอเมริกาหรือยุโรป น้ำหนักกระเป๋าเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อ กระเป๋าหนังของแบรนด์ดังๆปัจจุบันมีน้ำหนักที่เบาลงมากเนื่องจากใช้วัสดุหรือหนังที่บางลง ซับในที่น้อยชั้นลง และยังเป็นการประหยัดต้นทุนวัตถุดิบด้วย จึงทำให้แบรนด์สามารถทำกำไรได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามก็ยังมีน้ำหนักที่มากกว่าวัสดุ ผ้าใบ หรือ ไนลอน หรือ วัสดุผสม เช่น กระเป๋าหนึ่งใบอาจมีทั้งหนังและผ้าใบ
ผู้ใช้งานแต่ละคนมีอุปกรณ์หรือของที่พกพาแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ไลฟ์สไตล์ การทำงานของแต่ละคน ก่อนที่จะไปลองกระเป๋าเราควรจะช่างน้ำหนักของที่เราคิดว่าจะพกพาแล้ว หรือ นำของเหล่านั้นใส่ในถุงพลาสติก แล้วไปใส่ในกระเป๋าที่เราต้องการจะซื้อเพื่อให้มั่นใจได้ว่า น้ำหนักสิ่งของที่พก+น้ำหนักกระเป๋า ผู้หญิงอย่างเราสามารถพกพาได้สะดวก
วัสดุของกระเป๋า
วัสดุของกระเป๋ามีผลเรื่องการใช้งานและการดูแลรักษา
หนังกลับ
จะดูดคราบสิ่งสกปรกและเลอะง่ายเนื่องจากพื้นผิวที่เป็นขนทำให้มีร่องสำหรับยึดเกาะของสิ่งสกปรกต่างๆ
ผ้าใบที่ทอด้วยเส้นใยโพลีเมอร์
จะมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ โดยส่วนมากไม่สามารถทนต่อการพับได้ เนื่องจากมีความแข็งแรงค่อนข้างสูง จึงอาจจะเป็นรอยพับหรือแตกได้ โดยส่วนมากจะที่รอยเย็บฝีเข็มเนื่องจาก วัสดุนี้จะไม่ยืดหยุ่นเหมือนผ้าใบที่ทำจากฝ้ายธรรมชาติ แรงตึงจากการใส่ของหนัก บวกกับการเย็บก้นกระเป๋า ทำให้ตัวผ้าใบโพลีเมอร์ไม่สามารถทนแรงตึงได้
หนังคาวไฮด์หรือหนังฟอกฝาด
จะมีสีสันสวยงาม แต่ถ้าหากโดนน้ำจะเป็นรอยคราบน้ำ หรือ ถ้าโดนความร้อนหรือแสงแดดบ่อยๆจะทำให้สีคล้ำขึ้นได้ รูปลักษณ์ของกระเป๋าตอนซื้อและหลังจากใช้งานจะเปลี่ยนไปตามแต่สภาพการใช้งาน
สิ่งเหล่านี้ทำให้การเลือกซื้อกระเป๋าหนึ่งชิ้นจำเป็นต้องคำนึงถึงวัสดูของกระเป๋าในแต่ละจุดของการใช้งาน รูปภาพบนเว็บไซต์อาจไม่ครบทุกมุม การไปลองสินค้าที่ร้านจึงสามารถลดความเสี่ยงในเรื่องนี้ได้
1.2) กระเป๋าสตางค์
ปัจจุบันมีหลายทรงทั้งใบเล็ก ใบใหญ่ แบบซิป หรือเป็นกระดุม โดยวัยรุ่นส่วนใหญ่จะนิยมใบเล็กเพราะสามารถนำไปใช้กับกระเป๋าใบเล็กได้ และ เดี่ยวนี้ไม่จำเป็นต้องพกเงินสดมากๆอีกแล้ว มีแค่โทรศัพท์มือถือกับ แบงก์ย่อยอีกนิดหน่อยก็เพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตามแต่ละคนมีจำนวนบัตรและจำนวนของในกระเป๋าสตางค์ไม่เหมือนกัน กระเป๋าสตางค์บางรุ่นตั้งใจออกแบบมาให้ค่อนข้างบากพกพาสะดวก จึงไม่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันมากนัก การไปลองในร้านจึงดีที่สุด
1.3) เสื้อผ้า
สำคัญที่สุดคือเรื่องของฟิตติงและส่งเสริมบุคลิกของผู้สวมใส่ การดูจากโลกออนไลน์ไม่เพียงพอ เพราะรูปร่างของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนก้นใหญ่ ขาใหญ่ สะโพกใหญ่ บางคนขาเล็ก แขนเล็ก ใส่ออกมาไม่เหมือนกัน โดยส่วนมากร้านแบรนด์เนมจะมีบริการ Altering หรือ การแก้ทรงโดยช่างชำนาญการ แน่นอนเสื้อผ้าระยะหลังจะออกมาในแนว Oversize ซึ่งเป็นเทรนด์ในขณะนี้ ดีต่อการขายสินค้าของแบรนด์มากๆ เพราะเป็นทรงหลวม ไม่จำเป็นต้องตัดให้พอดีตัวเหมือนแต่ก่อน แต่บางคนใส่จะค่อนข้างใหญ่โดยเฉพาะคนไทย เช่นเสื้อบางตัวสามารถใส่เป็นชุดกระโปรงขาสั้นได้เลย จากประสบการณ์การไปลองสินค้า ส่วนมากจะชอบแต่ใส่แล้วไม่เข้ากับบุคลิกหรือรูปร่าง
1.4) รองเท้า
เนื่องจากต้องใส่เดิน รองเท้าจึงควรเน้นที่ใส่สบาย รองเท้าเป็นอะไรที่เลือกค่อนข้างยากเพราะขนาดหน้าเท้าคนไทย ส่วนใหญ่จะกว้างกว่าคนอเมริกาและยุโรป ทำให้ดีไซน์รองเท้าที่ค่อนข้างเพรียวและสวย มักจะทำให้คนไทยใส่ได้ไม่นานมาก อาจต้องนำไประเบิด เป็นเครื่องยืดรองเท้าหนัง แต่จะทำให้ขนาดกว้างขึ้นได้ไม่มากนักอาจจะ ½ ขนาดของความกว้าง เพราะถ้าทำมากเกินไปจะเสี่ยงทำให้หนังขาด มีหลากหลายแบรนด์ที่ในช่วงนี้ทำรองเท้าผ้าใบทรงใหญ่ออกมาตามกระแส จริงๆแล้วกระแสพวกนี้อยู่ได้ระยะสั้นเท่านั้นเพราะการสวมใส่ไม่สะดวกสบายเลย และค่อนข้างหนัก รวมทั้งบางแบรนด์ประหยัดต้นทุนโดยทำพื้นรองเท้าค่อนข้างบาง จึงทำให้คนเท้าแบน ใส่แล้วเจ็บเท้า รองเท้าจึงควรลองสวมใส่เดินก่อนตัดสินใจซื้อ
1.5) เข็มขัด
ขนาดเอวของแต่ละคนไม่เท่ากัน เข็มขัดบางประเภทควรเลือกซื้อสายที่พอดีกับตัว ถ้ายาวเกินไปอาจต้องเจาะรูเพิ่มและใส่ไม่สวน ขนาดความกว้างของเข็มขัดบางชนิดไม่สามารถใส่ในรูกางเกงตัวโปรดของคุณได้ อีกทั้งหัวเข็มขัดขนาดใหญ่ เวลานั่งเก้าอี้หรือโซฟามักติดหรือทิ่มที่พุงหรือท้องน้อย ทำให้เวลากินข้าวอิ่มแล้วไม่สะดวกในการนั่ง
1.6) แว่นตา
แว่นตาเป็นอะไรที่เลือกยากๆมากๆเพราะ จำเป็นที่จะต้องเข้ากับรูปหน้า แว่นบางอันดูสวยมากแต่พอใส่บนใบหน้าเราอาจจะไม่เข้ากัน แว่นมีหลากหลายทรง ไม่ว่าจะเป็นทรงกลม หยดน้ำ pilot aviator หรือ ทรง custom ต่างๆ ขนาดเลนส์ก็มีผลต่อน้ำหนักของแว่นเช่นกัน บางคนไม่สามารถเลือกแว่นขนาดใหญ่ได้เพราะน้ำหนักเลนส์จะมากตาม ทำให้เป็นรอยกดทับที่จมูกได้ บางคนดั้งจมูกไม่สูงมากนักจำเป็นต้องเลือกแว่นที่มีแป้นจมูก
1.7) ผ้าพันคอ
ผ้าพันคอมีหลายทรง เช่น ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ส่วนมากจะเป็นผ้าไหมหรือผ้าแบบบางเพราะต้องพับทบหลายชั้น ผ้าแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงยาว ส่วนมากจะเป็นผ้าแบบหนา เช่น แคชเมียร์ หรือ วูล อีกทั้งแต่ละแบบให้ความอบอุ่นต่างกัน ลักษณะการใช้จึงต่างกันด้วย ผ้าพันคอบางรุ่นมีการใช้วัสดุโลหะในการปักทำให้มีลวดลายที่สวยงาม สะท้อนแสงแต่การซักจำเป็นต้องระมัดระวังในการซัก หรือ ซักมือเท่านั้น ผ้าบางผืนทำมาค่อนข้างยาวเพื่อให้พันรอบคอได้หลายรอบ บางคนอาจไม่ชอบนักเพราะรู้สึกร้อน จึงแนะนำให้ไปลองที่ร้าน
1.8) น้ำหอม
โดยปกติแล้วน้ำหอมทุกชนิดจะมี Base nose, Middle nose,และ Top nose, โดยกลิ่นที่เราจะได้สัมผัสเป็นกลิ่นแรกคือ Top nose, ซึ่งจะจางหายไปอย่างรวดเร็วหลังจากฉีดได้ไม่นาน ปกติแล้วจะไม่เกิน 30 นาที เป็นกลิ่นที่เบาที่สุด โดยส่วนใหญ่เป็นกลิ่นของผลไม้หรือพืชตระกูล Citrus เช่นส้ม เลมอน มะกรูด องุ่น เบอรี่ และ ลาเวนเดอร์ เป็นกลิ่นที่เตะจมูกได้ง่ายที่สุด, Middle nose เป็นกลิ่นหลักที่ในการเลือกซื้อน้ำหอม โดยปกติจะอยู่ไม่เกิน 3 ชั่วโมง ส่วนมากเป็นกลิ่นดอกไม้เช่น มะลิ กุหลาบ และ Base nose จะอยู่กับเรานานที่สุด เป็นกลิ่นที่ผสม Top nose และ Middle nose เข้าด้วยกัน และเพิ่มกลิ่นไม้เข้าไป เช่น วนิลา หญ้าแฝก ไม้ซีดาร์ แน่นอนการซื้อน้ำหอมจึงควรไปลองเพื่อให้เราสามารถใช้ได้ตามกาลเทศะ หรือ โอกาสงานที่เหมาะสม
2) ถามเพื่อนหรือคนรู้จักที่มีประสบการณ์ตรงในการใช้งานจริง
แน่นอนเราจะรู้ถึงข้อดีข้อเสียหลังจากผ่านการใช้งานไปสักพัก ซึ่งการไปลองที่ร้านอาจได้รู้เพียงผิวเผินหรือมุมมองของเราเท่านั้น มีเรื่องบางเรื่องที่คิดไม่ถึงเช่น ห่วงข้างกระเป๋าขูดกับตัวกระเป๋า ทำให้กระเป๋าเป็นรอยตอนสะพาย รองเท้าที่ทำจากผ้าใบเคลือบแตก เพราะไม่ยืดหยุ่น และ อีกมากมาย
3) ค้นหาข้อมูลรีวิว หรือช่องทางออนไลน์เพิ่มเติม
การดูรีวิวบนช่องทางออนไลน์ ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางหากเราไม่มีคนรู้จักใช้สินค้านี้โดยตรงและเป็นการประหยัดเวลา
4) เช็คราคาขายกับร้าน Pre-order
เนื่องจากภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มของแต่ละประเทศไม่เท่ากันจึงทำให้เกิดส่วนต่างของราคา ร้าน Pre-order จึงสามารถหาของหายากได้ในราคาที่ถูกกว่าสินค้าในประเทศ อย่างไรก็ตามก็มีความเสี่ยงเรื่องของความน่าเชือถือและระยะเวลาของการหาสินค้า สินค้าแบรนด์เนมเป็นสินค้าราคาสูงจำเป็นต้องจ่ายเงินมัดจำหรือจ่ายเงินเต็มล่วงหน้าทำให้ผู้ซื้อต้องเช็คประวัติของร้านค้าให้ดี อีกทั้งทุกๆร้านก็มีคิวสินค้าหายาก วันที่ได้สินค้า สินค้าชิ้นนั้นๆอาจเลิกฮิตไปแล้วก็ได้
5) เช็คราคาขายและราคารับซื้อกับร้านแบรนด์เนมมือสอง
สินค้าแฟชั่นสำหรับบางคนเน้นใช้ถ่ายรูป หรือ ใช้เพียงเล็กน้อยอาจจะเบื่อแล้ว และนำสินค้านี้มาขายที่ร้านแบรนด์เนมมือสอง จึงเป็นโอกาสของเราที่จะซื้อของมือสองราคาประหยัด อีกทั้งเรายังสามารถเช็คราคารับซื้อคืนได้ด้วย เผื่อว่าเราใช้เบื่อแล้วสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ หรือ สามารถสมัครฟรีเพื่อโพสต์ขายผ่านทาง LVcollectorthailand
สรุปแล้วก่อนการตัดสินใจซื้อควรไปทดลองจริง มั่นใจว่าเราซื้อมาได้ใช้จริงๆ เหมาะกับเราจริงๆ ส่วนเรื่องราคาปัจจุบันสามารถซื้อได้หลายแห่งมากมาย ทั้งออฟไลน์ และ ออนไลน์เช่น LVcollectorthailand